1ヶ月経った

จุดพลุฉลอง อยู่ญี่ปุ่นครบเดือนแล้วคร้าบ เย้ๆ มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีตรงไหนไม่พอใจในประเทศนี้นะ มีอยู่อย่างเดียวคือความโง่ของตัวเอง 5555 สอบย่อยไป2รอบ คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ไปรอบ รอบล่าสุดดีขึ้นหน่อย แต่TOPห้องได้97นะ 😂 ไหนๆก็อยู่ครบเดือนแล้ว วันนี้มาขายคอร์ส別科หน่อยละกัน มหาลัยคันไซเนี่ย ถ้าเข้ามาเรียนเบกกะ ก็มีภาษีหน่อยนึงนะ แบบว่าได้ปรึกษากับอาจารย์ของมหาลัยโดยตรง อย่างเช่นควรจะเข้าเมื่อไหร่ ควรจะต้องเรียนอะไรเพิ่ม ควรต้องทำอะไรตอนไหน คือปรึกษาได้หมดเลย ส่วนคอร์ส別科เนี่ย ห้องเรียนก็ใกล้หอพักมากๆ เรียกได้ว่าเดินแค่20ก้าวก็ถึงตึกเรียนแล้ว แถมตึกเรียนก็ใหม่ด้วย (เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา) ส่วนหอพัก (ยังไม่เคยลงรูปรึเปล่านะ) ก็ค่อนข้างใหม่ มีห้องส่วนกลางไว้ทำกิจกรรมร่วมกัน ในส่วนห้องพักแต่ละโซนจะมีRA(resident adviser) ที่เป็นนักศีกษามหาลัยคันไซ มาคอยดูแลเด็กหออีกที โซนนึงจะมีRA 1คนดูแลเด็กหอ5คน ซึ่งช่วงนี้โควิดอ่ะเนอะ คนพักหอเลยไม่ค่อยเยอะด้วย แถมมีหออื่นๆให้เลือกอีก คือเหมือนคนเลือกที่นี่คือต้องการมีเพื่อนต่างชาติอ่ะแหล่ะ วันที่เรามาถึงวันแรกมีต่างขาติแค่ไม่กี่คนเอง คนไทย2อ่ะที่แน่ๆ ชีวิตในหอก็ประมาณนี้แหล่ะ ก็จะมีพวกอีเว้นท์เล็กๆที่RAจัดนะ เช่น เล่นไพ่นกกระจอก? เล่นปิงปอง ดูหนัง ทำอาหาร อะไรแบบนี้ ล่าสุดเมื่อวันพุธ สาวๆก็มีจัดปาร์ตี้ทาโกะยากิกัน แต่ไม่ได้จอยทุกคนนะ คือใครว่างก็มาจอยอะไรแบบนี้ ก็มีบางคนไม่สะดวก…

久しぶり〜

หายหน้าหายตาไปเลย เพราะเรียนเยอะมากจริงๆ T-T คอร์สเบกกะ別科ของมหาลัยคันไซเรียนทั้งหมด32หน่วยกิต เป็นภาษาญี่ปุ่นไปแล้ว12หน่วยกิต เรียนตั้งแต่คาบ1-3 คาบนึงเรียน1.30ชั่วโมง เริ่มเรียนคาบแรก9.00 คาบ2เริ่ม10.40 พักเที่ยง 12.10 เข้าเรียนคาบ3ตอน13.00 จบคาบ3ตอน14.30 อันนี้คือทุกวันต้องเรียนนะ ส่วนหลังจากคาบ3จะเป็นวิชาเลือกละ พวกสายวิทย์ต่างๆ มีเลขด้วย อังกฤษก็มี แล้วก็มีคลาสAcademic ซึ่งเราน่าจะเรียนเทอมหน้า แล้วก็มีคลาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เราเรียนแค่คลาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนะ แล้วก็มีคลาสซัมเมอร์ เป็นคลาสเตรียมสอบJLPTนั่นแหล่ะ พวกที่มาจากประเทศที่ไม่ใช้คันจิ หมายถึงพวกอักษรจีน จะมีคลาสพิเศษทุกๆวันจันทร์กับพฤหัสคาบ5 นั่นทำให้ตารางเราโคตรแน่นเลยจ้า จันทร์คือคาบ1-3เว้นไป5 (คาบ5คือเลิกเรียน17:50อ่ะ) วันอังคารเรียนถึงแค่คาบ3 วันพุธหนักสุดเลย คาบ1ยันคาบ5อ่ะ 9.00-17.50 ลมจะจับ วันพฤหัสเหมือนวันจันทร์ เว้นคาบนึง เลิกเรียน17.50 วันศุกร์สบายๆเหมือนวันอังคาร เลิกเรียน14.30 ดูไม่หนักใช่ป่ะ เราจะพูดถึงการบ้านแต่ละวัน แต่ละคาบจะมีการบ้านแทบจะ1อย่าง เช่นคาบ1เรียนgrammar ต้องเรียนด้วยตัวเองล่วงหน้ามาก่อน ทำแบบฝึกหัดเล็กๆคืนก่อนหน้า พอมาเรียนก็จะมีเทสย่อยของเมื่อวาน เท่ากับว่าเตรียมของใหม่ ทวนของเก่า (อันนี้แค่คาบ1นะ) อ้อ แล้วก็มีเรียนคำศัพท์ด้วย มีการบ้านต้องทำมาก่อนล่วงหน้าคืนนึง เรียนคันจิต่อ จริงๆอย่าเรียกว่าเรียนเลย2อย่างนี้…

Orientation around the world

ตั้งแต่เหยียบเข้าหอ เจอแต่ Orientation จริงๆ วันแรกเจอ Dormitory Orientation หลังจากนั้นคือเจอ University Orientation รัวๆ ทั้งSystem Orientation, Class Orientation และต้องทำเรื่องย้ายตัวเองเข้าเขต เปิดบัญชี ดีที่ว่าน้องRAคนญี่ปุ่นไปเป็นเพื่อนด้วย 55555 เราเลือกเปิดบัญชี ゆうちょ銀行 เพราะเพื่อนแนะนำมา มันเปิดง่ายสุด ไม่ต้องรอนาน ถ้าแบงค์ธรรมดาคือรอยาวๆ รอแบบ2-3อาทิตย์ได้มั้ง แต่เนื่องจากเรายังไม่ได้ย้ายเข้าเขต เลยต้องไปทำเรื่องเข้าเขตก่อน อันนี้เรายังงงๆอยู่เหมือนกัน เพราะอธิบายยากมาก แงงงงงง สรุปคือ แจ้งย้ายตัวเองเข้า แล้วก็เตรียมจ่ายค่าประกันสุขภาพ แล้วก็จะมีบัตรMy Number ที่คิดว่าน่าจะส่งมา นี่ก็รออยู่ว่าจะมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไว้ไปถามจากผู้ดูแลหออีกทีว่ามีซองมายังเ เพราะว่าได้noticeไปรับจดหมายละ แต่ไม่รู้ใช่มั้ย หลังจากย้ายตัวเองเข้าเขต ก็ไปเปิดบัญชีอีกรอบ สรุปมหาลัย effective นักศึกษาวันที่ 1 ทำไม่ได้อีก!! แต่ก็เตรียมเอกสารไว้ละ รอไปทำอีกรอบก็ไม่มีปัญหา สิ่งที่ต้องเตรียมไปสำหรับย้ายตัวเองเข้าเขตกับเปืดบัญชี พกบัตรไซริวกับพาสปอร์ต แล้วก็บัตรนักศึกษาไปนะ ทางมหาลัยจะมีเอกสารให้กรอกด้วย ก็กรอกให้เรียบร้อย…

First step in Osaka

ก่อนบิน 72 ชั่วโมง เราต้องไปตรวจ PCR ซึ่งเราเลือกความปลอดภัย รพ.สมิติเวช เพราะว่าคนญี่ปุ่นใช้บริการเยอะ เอกสารไม่พลาดแน่นอน ก็โทรไปจองคิวเรียบร้อย ตอนตรวจหมอถามรายละเอียดนิดหน่อย พอตรวจเสร็จก็จ่ายตังค์ และรอไปรับผลตรวจตัวจริงวันถัดไป พอได้ผล เราก็เอาไปลงทะเบียนกับ App MySOS ของญี่ปุ่น เพื่อทำ Pre-register ขอเข้าประเทศ ไม่ทำก็ได้แหล่ะ แต่ทำแล้วไวกว่านิดนึง แบบนิดนึงจริงๆ เพราะนี่อยู่ในสนามบิน หลังจากถึง 3ชั่วโมงกว่าๆเลย ไปถึงทุกคนจะไปที่เดียวกันคือตรวจเช็คแอป ถ้าเราทำเรียบร้อย จะได้สายคล้องสีชมพู เพื่อแสดงว่า เราทำมาแล้ว ผ่านไปโซนถัดไปได้เลย (ถ้าไม่ทำก็คือจะมีที่ให้ลงทะเบียนในแอปอยู่) จากนั้นก็ต้องไปตรวจน้ำลายอ่ะนะ ใช้เยอะมาก กว่าจะเค้นออกมาหมด เหนื่อยอยู่ 5555 เสร็จแล้วก็ต้องไปโซนซักประวัติ ซึ่งเค้าจะเช็คเอกสารตัวจริง ก็คือพวกผล PCR นั่นแหล่ะ แล้วก็ถามอะไรอีกนิดหน่อย เช่น ฉีดมากี่เข็มแล้ว ยี่ห้ออะไร (ซึ่งเราก็กรอกในเวปไปหมดแล้ว) แล้วก็ไปโซนเช็คแอป(อีกแล้ว) ทำไมทำซ้ำๆไม่รู้ แล้วก็เข้าสู่โหมดรอผลน้ำลายอ่ะนะ นานอยู่ เกือบชั่วโมงได้ พอตรวจผ่านหมดแล้วก็เข้าสู่การทำเรื่องในตม….

Taking first step

อย่างที่เราเกริ่นไปเมื่อคราวก่อน เราเลือก Kansai University เนอะ OHP : https://www.kansai-u.ac.jp/ku-jpn/English/index.html สิ่งที่ต้องเตรียมในการสมัครของเรา(เรียนจบแล้ว)ก็จะมี เซทใบสมัคร ซึ่งในเซทนั้น เราต้องกรอกประวัติทั่วๆไป,จุดประสงค์ที่เราจะไปเรียน, จดหมายการันตีจากครอบครัว เอกสารอื่นๆ เช่น Transcript, ประกาศนียบัตรจบการศึกษาใบสอบวัดระดับ, EJU, TOEIC เราใส่ไปหมดเลยสำเนาทะเบียนบ้าน(ไปให้เขตออกให้เป็นภาษาอังกฤษ)Statement จากทางธนาคาร สลิปโอนเงินค่าสมัคร ของเราใช้K-Bank โอนต่างประเทศได้ตอนแรกไม่มั่นใจว่าสลิปจะใช้ได้มั้ย เพราะไม่มีฟอร์มทางการแต่สรุปก็ได้นะ สลิปเป็นภาษาอังกฤษปริ้นท์ออกมาได้เลย หลังจากเตรียมเอกสารพร้อมทุกอย่างแล้วก็ส่งเอกสารตัวจริงไป แล้วก็ได้แต่รอเวลาทางมหาลัยนัดสัมภาษณ์ออนไลน์ โดยในใบสมัครจะมีให้เขียนแหล่ะว่าต้องมีSkypeนะ เล่าถึงตอนสัมภาษณ์ เซนเซน่ารักมากๆ เรามีกังวลนิดหน่อย แต่เค้าก็พยายามช่วยนะ คร่าวๆคือแนะนำตัว ถามจุดประสงค์ แล้วก็มีเทสให้อ่านภาษาญี่ปุ่นนิดหน่อย ด้วยความกังวลอ่ะนะ ก่อนจบสัมภาษณ์ เราก็เลยถามไปว่ามีโอกาสจะได้ไปเรียนมั้ย เพราะตั้งใจจะลาออกจากงาน ทางเซนเซไม่ได้พูดอะไรเยอะ ก็คือประมาณว่าให้รอผลนั่นแหล่ะ แต่ที่เราเลือกถามไป เพราะว่าอยากแสดงเจตจำนงไปอ่ะแหล่ะว่าเราตั้งใจจริง คร่าวๆคือส่งเอกสารปลายเดือนกันยายน เดือนตุลาคมกลางๆเดือนสัมภาษณ์ รู้ผลเดือนพฤศจิกายน ตอนนั้นได้เมลมาแจ้งว่า รับเข้าเรียนแล้วนะ ตื่นเต้นมากๆ ในที่สุดก็จะหลุดพ้นจากการทำงานแล้ว พอกลับมาบ้าน เอกสารมาส่งแล้วจ้า เร็วมากจริงๆ ก็เป็นเอกสารคร่าวๆว่ารับเข้าเรียนแล้วนะ…

The hardest one

หนทางการเก็บเงิน อันนี้เราแชร์ไว้ บางคนอาจจะทำได้เร็วกว่าหรือช้ากว่านะคะ เราทำงานที่บ.แห่งนึงซึ่งต้องไปนั่งทำงานกับลูกค้าที่ชลบุรี เงินเดือนถ้าเทียบกับที่เก่าที่อโศก ได้เยอะกว่าประมานเดือนละ10k จริงๆก็ดูไม่ได้เยอะมาก แต่ด้วยความที่ว่ามันอยู่ชลฯอ่ะนะ เรานั่งรถพนักงานของบ.ลูกค้าไปกลับไม่เสียค่ารถ ค่าข้าวโรงงานถูก ค่าข้าวตอนเย็นแถวบ้านก็ไม่ได้แพงมาก เราเก็บเงินเดือนละ15k ใช่ค่ะ…15k และยังให้ที่บ้านอีก6kมาตลอด เดือนนึงหลังจากจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าโทรศัพท์แล้ว เราจะเหลือ5kใช้ทั้งเดือน ใช่ค่ะ เราใช้แบบนั้นมาตลอด2ปีเพื่อเก็บเงิน700-800kบาท จริงๆถ้าคิดจากเงินเดือนอาจจะดูไม่ถึง แต่เราตั้งใจจะเก็บจากโบนัสด้วย ซึ่งถ้าคิดรวมๆแล้ว เราจะต้องเก็บให้ได้ปีละ300kบาท และจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพหลังจากลาออกอีก200kบาท จริงๆถ้าเก็บเงินจริงๆจังเลยมันเกินแน่นอนแหล่ะ แต่อย่างว่า..เราก็ยังตัดกิเลสได้ไม่หมด ก็เลยมีใช้สุรุ่ยสุร่ายบ้าง จากที่แพลนไว้800kก็เลยเหลือแค่700kในการยื่นstatement แต่ตอนยื่นเรายังมีเงินไม่พอนะ เพราะว่าโบนัสปีนี้ไม่ออก เลยไปขอให้แม่ช่วยนั่นแหล่ะ แม่อาจจะไปยืมจากคนที่รวยกว่า 5555 มาให้ลูกเอาไปใส่บัญชีจะได้มีเงินยื่นได้ อันนี้ก็ต้องขอบคุณแม่แหล่ะ (เอาจริงคือที่บ้านเราไม่มีเงินเก็บขนาดเป็นแสนนะ มีชีวิตรอดได้ต่อวันก็ดีละ) สรุปก็คือมีประมาณ700kบาทก็ไม่มีปัญหาอะไร ค่าเทอม1ปี 250kบาท ค่ากินค่าอยู่ตลอด1ปี (ต้องมีซัพพอร์ดเดือนละ100kเยนรวมค่าหอ) 340kบาท รวมๆต้องมีเงิน590kบาท ฉะนั้นถ้าเก็บได้ซัก650-700kทางมหาลัยคงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว วันนี้ขอเขียนไว้เท่านี้ก่อนละกัน ครั้งหน้าจะเขียนถึงขั้นตอนการยื่นเอกสารไปยังมหาลัยละ

My new chapter of life

เอาล่ะ หลังจากชีวิตแบนเกลส่วนนึงของเราได้จากไป(?) เราก็ได้เริ่มคิดที่จะวางแผนชีวิตใหม่ นั่นก็คือ… การเรียนต่อในประเทศญี่ปุ่นที่เราเฝ้าฝันมาตั้งแต่ม.ปลาย เอาจริงนะ ตอนนั้นเคยมองเรื่อง AFS ไว้ด้วย แต่ด้วยความที่ที่บ้านฐานะกลางๆ เค้าก็คงหาเงินมาส่งเราไม่ได้ เลยล้มเลิกไป แล้วก็มาลองอีกทีตอนมหาลัย APU ได้จัดแนะแนว แล้วก็เปิดให้สอบชิงทุนไปเรียนต่อ ซึ่งตอนนั้นเราสอบผ่านข้อเขียน เหลือแค่สัมภาษณ์ ที่บ้านบอกว่า ต่อให้ได้ทุน100% ก็ไม่รู้จะไปหาเงินจากที่ไหนให้นะ หมายถึงเงินในการใช้ชีวิตประจำวัน ค่าที่พัก ค่ากินอยู่ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ศึกษาด้วยว่าทุน100%ของAPUซัพพอร์ตด้านไหนบ้าง สรุปก็คือ ไม่ได้ไปสอบสัมภาษณ์ เพราะโดนที่บ้านขู่ไว้ แล้วนี่ก็กลัวเรื่องเรียนไม่จบด้วย ถ้าเกิดที่บ้านส่งเราไม่ได้จริงๆ ซึ่งเอาจริงป่ะ ตอนนั้นเรียนมหาลัยเอกชน และเราก็กู้กยศ. สรุปเรียนจบมาก็มีหนี้แสนเจ็ด ก็เข้าใจว่าไปเรียนที่โน่นคงแพงกว่าอ่ะ แต่ไหนๆจะมีหนี้แล้ว ไปที่ๆมันดีกว่าก็ดีกว่ามั้ยอ่ะ จบมาทำงานที่โน่นเผลอๆใช้หนี้หมดแล้ว แต่ก็นะ… ตอนนั้นยังไม่รู้ความอะไรเลย ก็เลยเรียนที่ไทยต่อไป จุดพลิกผันในการเริ่มหาลู่ทางเรียนต่อ อืม…ก็อย่างที่เกริ่นไปแรกๆ เมมเบอร์คนที่เราชอบลาออกจากวง รวมถึงออกจากวงการไปเลย มันก็ทำให้เราเคว้งไปช่วงนึง เลยพาแม่เที่ยวต่างประเทศแทน เพราะไม่รู้จะเอาเงินไปซื้อความสุขให้ตัวเองยังไง และปีต่อมาก็มีโควิด นั่นทำให้เราเริ่มคิดที่จะเก็บเงินเพื่อไปเรียนต่อ ด้วยความที่ว่าเราชอบประเทศญี่ปุ่นอยู่แล้ว หางานที่ญี่ปุ่นอยู่ตลอด แต่อาจจะเป็นเพราะหุ่นและความสูง ทำให้เราแห้วอยู่ตลอดเช่นกัน เลยรู้สึกว่าในเมื่อไปทำงานไม่ได้…

ぼくのなつやすみ @ 青山Rizm 2018.08.25

2018.08.25 / 9:08 เป็นวันที่ไม่อยากให้มาถึงมากที่สุด น้ำตายังไงก็ไม่หยุดไหล ตลอดที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน ได้แต่นั่งปาดน้ำตาเงียบๆ รอบนี้เป็นรอบที่หนักที่สุดแล้ว ตั้งแต่ PIECE ยุบวง niwakaame ยุติกิจกรรม ตอนเจอหน้าก็ยังยิ้มให้ได้ แต่รอบนี้ไม่มั่นใจเลย มันมีความรู้สึกว่า นางคงไม่ทำวงแล้ว ไม่ได้อยากจะแช่งวงนะ แต่ถ้าวงหายไปทั้งวง ยังมีสิทธิ์ลุ้นมากกว่าที่จะฟอร์มวงใหม่ นี่คือแบบนางออกไปคนเดียวอ่ะ แล้วซึกกี้กับรุนเราก็เจอกันมาตลอด8ปี เราก็ไม่อยากทิ้ง2คนนี้นะ แต่ถ้าต้องมาไลฟ์อีกเราอาจจะไม่ไหวก็ได้ วันนี้ไปถึงไลฟ์ไม่รู้ตัวเองจะร้องหนักแค่ไหน แต่จะพยายามฮึบให้มากที่สุด พระเจ้าคะ ขอที่ตรงฝั่งมุให้หนูด้วยนะคะ มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูจะได้เจอเค้า หนูขอเก็บภาพความทรงจำเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ 20:32 ไลฟ์มองแทบไม่เห็นเลย อยู่ฝั่งมุนะ แต่คนก่อนเราบังแบบ คืออยู่ไม่นิ่งอ่ะ ถ้ายืนนิ่งๆเราก็จะเห็นไง มุบอกว่าโดนบอกให้มาพูด(หลังไลฟ์จบ) ร้องไห้ด้วยพูดไปด้วย นี่ทำไมต้องมาเจอมุร้องไห้รอบที่2ด้วยอ่ะ รอบแรกตอน PIECE ว่าหนักแล้วนะ รอบนี้หนักกว่าเก่าอีก นางขอโทษเยอะมาก ขอโทษที่พยายามต่อไปไม่ได้ แล้วก็ขอบคุณที่ให้ความรักกับนาง ขอบคุณที่ทำให้นางรักตัวเอง ขอบคุณที่ตามไปนาโงย่า โอซาก้า แล้วอะไรอีกนะ จำไม่ได้เลย แค่นางบอกว่าขอบคุณที่ให้ความรักกับนาง เรานี่ร้องไห้หนักไปแล้วเด้อ ละตอนไลฟ์ยิ่งเห็นรุนกับซึกกี้ไปเล่นกับนาง นี่ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังเลย…

ぼくのなつやすみ @ おおさか 2018.08.19

โน๊ตของวันนี้ แฮปปี้ setlist วันนี้มากกกกก ดีมากกกกกกก (หรือเมื่อวานเรานอยด์?) กระโดดไปหลายเพลง เฮดแบงไปนิดหน่อย ป้าแก่ล้าว ป้าไม่ไหว พยายามไม่ทำถ้ามุไม่มอง ละเพลง せいたんデビル ค่ะ คือท่าเยอะมาก ทำได้ไม่หมด ทำได้แค่ท่อนซาบิ(ฮุก)แรกๆอ่ะ ละมุค่ะ มองตอนนี่ทำพลาด โว้ยยยยย ปีนึงไปวันแมนกี่ครั้ง เห็นใจเลาด้วยยยย นางเลยทำ 👎🏻 ใส่เลา เอ้าาาาาา งี้ก็ได้หรออออออ ก็เลาจำไม่ได้อ๊ะ!!! ละพออีกเพลงถัดมา ゼロとクロ อันนี้ง่าย ทำได้ นางก็แบบพูดออกมาว่า ぱっちり(ยอดเยี่ยม) ค่าาาาาาาา มีอีกช็อตที่นางทำ 👎🏻 ด้วยนะ ตอนเริ่มไลฟ์แรกๆ อินี่ร้องไห้ 5555 อ่อนไหวเอง เพลงก็สนุกนะ แต่น้ำตาจะไหล มีแว๊บนึงนางก็อยู่ดีๆทำ 👎🏻 อย่าว่าเลาาาาาาา เลาฮึบอยู่นะ เลาพยายามอยู่ แต่วันนี้ดีอ่ะ ได้อยู่สเตป2 ขึ้นยืนบนๆ เห็นชัดมาก มุก็เห็นเราชัดมากเช่นกัน แต่ปิ๊กมาไม่ถึงเลานะ ปิ๊กมาไม่เคยถึงเลาเลย 7ปีแล้วยังไม่ได้ปิ๊กซักอัน เคยงอแงเขียนในจดหมายไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาใจเลาหน่อยก็ไม่ได้นะ!! ตอนถ่ายเชกิอ่ะ…

ぼくのなつやすみ @ なごや 2018.08.18

ความเหนื่อยวันนี้แบบจะตาย เครื่องบินดีเลย์ คือน่าจะมีคนเช็คอินละมาไม่ทัน เลยต้องหากระเป๋าที่โหลดเพื่อเอาออก สรุปดีเลย์ไปครึ่งชั่วโมง จาก9โมงเป็น9:30 แต่กว่าจะโน่นนี่นั่นเส็ด เร็วสุดแล้วคือ10โมง รีบขึ้นรถไฟมาถึงนัมบะ ดูเวลาแล้วไม่ทันแน่ๆ บัสต้องขึ้นตอน11:30 เลยตัดสินใจนั่งแท็กซี่ โดนไป2000เยน เจอรถติดอีก!!! จากที่ต้องถึง 14:35 กลายเป็น16:00 คือถึงที่พัก16:30แล้วกู๊ดส์เริ่มขาย16:30 ต้องอาบน้ำ แต่งหน้าใหม่ เส็ดตอนเกือบๆ17:30 รีบเดินมาไลฟ์เฮ้าส์ ถึงตอน17:40 อย่างเหนื่อยยยยยยยย ไม่ทันจ่ายตังค์ค่าเชกิ ต้องรอหลังไลฟ์อีก โอ๊ยยยยย ละหน้าคือแต่งแบบลวกๆมา เพราะอาบน้ำเส็ด5โมง รีบแต่งรีบออก บรรยากาศไลฟ์บ้าง รู้สึกว่าไลฟ์เนือยๆ เหมือนจัด setlist ไม่ค่อยดี เหมือนริงคุเสียงตก วันนี้อยู่ฝั่งคีเพราะมาสาย เข้าไม่ทัน แทบไม่มี MC งงมาก เกิดอะไรขึ้น!? คือปกติก็ไม่ได้ MC ดีหรอก แต่พอตัดออกแล้วเหมือนขาดอะไรไป มุเดินฝั่งนี่รอบแรกไม่เห็นเรามั้ง มาเล่นแป๊ปๆเดินกลับ รอบ2คือเพลงสุดท้าย รอบนี้เห็นซะงั้น ชี้มือมาดั้วะ!!! แล้วก็พูดอาริกาโต้ จย้าาาาาาา อันนี้คือสบตากันเลยนะ คือมองมานี่อ่ะ…